เมื่อลูกเข้าโรงเรียนอนุบาลก็อาจทำให้มีโอกาสต้องนั่งรถยนต์มากขึ้นจากการเดินทางไป-กลับโรงเรียนในแต่ละวัน สภาพการจราจรบนท้องถนนก็เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แปรปรวนยิ่งกว่าสภาพอากาศ ดูไม่น่าไว้ใจยิ่งนัก
หากไม่ให้ลูกนั่งคาร์ซีทก็ไม่แน่ใจว่าหากเกิดอุบัติเหตุแล้วจะเป็นอย่างไรบ้าง
แต่ตอนนี้ลูกก็โตขึ้นมากแล้ว คาร์ซีทตัวเดิมที่เคยมีอยู่ก็เริ่มจะไม่พอดี แบบนี้ต้องเลือกยังดีนะ?
- Forward-facing child seat คาร์ซีทแบบนั่งหันหน้าไปด้านหน้ารถ
คาร์ซีทแบบนั่งหันหน้าไปด้านหน้ารถ เหมาะสำหรับเด็กอายุไม่เกิน 11 ปี มีลักษณะเป็นเบาะมีพนักพิงเหมือนเบาะในรถ เรียกได้ว่าเป็นคาร์ซีทแบบมาตรฐานที่พบเห็นกันได้ทั่วไปเลยทีเดียว
- Combination seat คาร์ซีทแบบผสม
คาร์ซีทแบบผสมคล้ายกับคาร์ซีทแบบนั่งหันหน้าไปด้านหน้ารถ ต่างเพียงสามารถปรับให้ทิศทางให้นั่งหันหน้าไปได้ทั้งด้านหน้าและด้านหลังรถ คาร์ซีทประเภทนี้เหมาะกับเด็กอายุไม่เกิน 6 ปี
- Booster Seat คาร์ซีทบูสเตอร์
คาร์ซีทบูสเตอร์มีลักษณะเป็นเบาะรองนั่งขนาดใหญ่ จุดขายของคาร์ซีทชนิดนี้คือเด็กจะได้นั่งรถแบบเดียวกับผู้ใหญ่ สามารถใช้ดึงดูดความสนใจเด็ก ๆ ที่อยากโตไว ๆ หรือไม่ชอบนั่งคาร์ซีทแบบปกติได้ เมื่อนั่งคาร์ซีทบูสเตอร์จะทำให้เด็กสูงขึ้น สามารถคาดเข็มขัดนิรภัยของรถยนต์ได้โดยสายไม่พาดบาดคอ โดยในบางรุ่นอาจมีพนักพิงที่สามารถถอดแยกชิ้นออกจากเบาะได้ เหมาะสำหรับเด็กวัย 4 – 12 ปี
- mifold คาร์ซีทแบบพกพา
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าบนโลกนี้จะมีคาร์ซีทแบบพกพาที่พับเก็บแล้วจะเหลือขนาดเพียงกระเป๋าถือใบเล็ก ๆ ของคุณแม่เพียงเท่านั้น คาร์ซีทแบบพกพาช่วยอำนวยความสะดวกแก่คุณพ่อคุณแม่ในหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นยามต้องเดินทางไปต่างจังหวัด ที่อาจต้องย้ายสัมภาระเปลี่ยนเบาะที่นั่งไปมา หรือยามพาลูกเดินทางไปต่างประเทศที่สามารถพกคาร์ซีทแบบพกพาไปด้วยได้ ไม่จำเป็นต้องไปเสียเงินซื้อใหม่ คาร์ซีทประเภทนี้เหมาะกับเด็กอายุตั้งแต่ 4 ปีหรือสูง 100 ซม.ขึ้นไปค่ะ
ไม่ว่าจะเลือกคาร์ซีทแบบไหน ก็อย่าลืมพาลูกรักไปช่วยเลือกด้วยกันนะคะ เพราะเด็ก ๆ ย่อมอยากมีส่วนร่วมกับคุณพ่อคุณแม่ทุกช่วงเวลาอยู่แล้ว